|
ทำฮู้ดใหญ่คลุมลงมาต่ำมีพื้นที่ในฮู้ดมากๆแล้วต่อปล่องขึ้นหลังคามีโบลเวอร์ดูด ราคาก็น่าจะเป็นหมื่น
|
|
ทำไปเหอะครับ ให้พอเหมาะพอสม ตามเวลา ไม่มีใครเค้าว่าหรอกครับ เพื่อนบ้านฟ้อง ขึ้นมาก็ชนะครับ เพราะมนุษย์ใช้ไฟปรุงอาหารมาเป็นล้านปีแล้วครับ มีไฟก็ต้องมีควัน มีกลิ่นเป็นธรรมดา เหมือนคุณมีลูกแล้วลูกร้องน๊ะครับ ไม่ต้องหาอะไรมาปิดปากลูกหรือทำห้องเก็บเสียงหรอก มันรำคาญเพื่อนบ้านแน่นอน ถ้าเค้าจะัหาเรื่อง มันก็เป็นเรื่องจนได้หละ แต่อยากให้มองว่านี่คือธรรมชาติของมนุษย์ คนทนไมได้ที่ได้ยินเสียงร้อง จะมาบ่นไม่ได้หรอก เพราะเด็กเค้าก็ร้องได้ตลอดเวลาสำคัญแค่เราดูแลอย่างตั้งใจดีที่สุดเป็นพอครับ ที่เหลือให้เพื่อนบ้านเค้าปกป้องตัวเองจากธรรมชาติเอาเองบ้างครับ เช่นใครรับกลิ่นไม่ได้ ก็กั้นกระจกหลังบ้านซะ ผมเองมีห้องนอนหลังบ้านแต่ผมก็ไม่นอนเพราะว่า มันอาจะได้กลิ่นจากบ้านเราเองและจากคนอื่น ก็เอาไว้ทำห้องเก็บผ้าตากผ้่าแทนก็ หมดปัญหาแล้ว
|
|
หมู่บ้านที่เราอยู่ หลังบ้านชนกันข้างหลังเป็นครัว บ้านเค้าก่อกำแพงทึบ ต่อรางน้ำมาบ้านเรา ครัวอยู่ตรงกัน เวลาทำกับข้าวกลิ่นแบบสุดๆ เค้าจะชอบกินไข่เจียวชะอม เกือบทุกวัน ปลาเค็มทอด ปลาส้ม กินของกลิ่นแรงๆทั้งนั้นอ่ะ กำลังพิมอยู่เจียวไข่กันอีกแล้ว ได้กลิ่นชะอม
|
|
เราว่าชีวิตจริง คนไทยพูดกันได้และเข้าใจได้เหมือนความเห็น 4
ชีวิตเราควรจุนเจือ คุยกันดี ๆ ถ้าทำอาหารตามเวลาไม่ใช่ดึกดื่นหรือเช้าตรู่ แบ่งปันกันไม่มีปัญหาหรอก
ส่วนพวกที่มีปัญหา คือพวกสมัยใหม่ อะไรนิดนึงไม่ได้ สักวันคนไทยเราจะอยู่ลำบาก เมื่อคนมากขึ้นที่อยู่น้อยลง แต่ก็ไม่ผูกมิตรกันแบบเก่าในอดีต เพียงแต่มุ่งตัวคนเดียว รักษาสิทธิ์ของตัวเองอย่างเคร่งขรัด
|
|
ขอโทษนะครับที่จะพูดว่าคุณไม่ควรทำครัวไทยในบ้านทาวน์โฮมครับ คุณใช้พื้นที่ผิดประเภท ถ้าอยากทำครัวไทยควรจะซื้อบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณกว้างหน่อยครับ หลังบ้านที่คุณพูดคือลานซักล้าง ไม่ใช่พื้นที่ครัวครับ ครัวของทาวน์โฮมออกแบบให้อยู่ข้างใน ถ้าจะทำอาหารไทย ทำที่ดูดควันดีๆก็พอจะช่วยได้มากครับ สิ่งที่เพื่อนบ้านไม่อยากเจอคือสิ่งที่คุณไม่อยากได้กลิ่นในบ้านคุณเอง สิ่งที่คุณจะเอาออกมาทำนอกบ้านแหละครับ
คนไทยเราติดฝรั่งกันมาก ก่อนนั้นมีบ้านรอบนอกเมือง มีคอนโดในเมืองนอนห้องเล็กๆใช้พอซุกหัวนอนเพื่อสะดวกการเดินทาง เดี๋ยวนี้กลายเป็นซอยที่ในเมืองให้อยู่ได้และสะดวกต่อการเดินทาง เลียนแบบฝรั่ง แต่ไม่คำนึงถึงวิถีชีวิตไทย ถ้าจะรับบ้านในสังคมเมืองมาก็ต้องปรับตัวตามนั้นครับ
ไม่ใช่ทุกคนรับกลิ่นกะปิ พริกแกง น้ำปลาร้าได้หมดนะครับ กลิ่นพวกนี้ไม่ใช่ของน่ารังเกียจก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ของสุนทรีสำหรับทุกคนครับ
|
|
เปิดไว้เหมือนเดิมแหละครับดีที่สุด ยิ่งโล่งกลิ่นก็ยิ่งกระจายหายไปเร็ว กลิ่นต้องเกิดขึ้นจากการทำกับข้าว และต้องกระจายไปบ้านเพื่อนบ้านในทิศทางใดทิศทางหนึงตามลม ยิ่งกระจายหายไปเร็วก็จะรบกวนน้อยที่สุด
โล่งไว้ครับ
|
|
พัดลมดูดควัน ต่อปล่องขึ้นไปสูงๆหน่อย
เพื่อนบ้านที่ดี แม้เขาจะไม่ว่าอะไร อาจเป็นเพราะเขาูพูดไม่ออกเหมือนกันนะ
|
|
กลิ่นกับควัน จะห้ามทิศทางได้อย่างไร มันเป็นกฏธรรมชาติครับ
จะใช้พัดลม ช่วยเปลี่ยนทิศ มันก็ไปโดนบ้านอื่น
จะลงทุนแบบภัตราคารใหญ่ โรงแรม ก็ต้นทุนใช่น้อย ดูดฯ เข้าปล่อง พ่นขึ้นท้องฟ้าให้สูงกว่าบ้านสัก 2-3 ชั้น พอช่วยได้
|
|
ถ้าคิดจะทำจริงๆ ก็ไม่ยากค่ะ เคยเห็นพัดลมดูดควันที่ทำง่ายๆ ตามรถขายไก่ปิ้งหมูปิ้งไม๊คะ ติดพัดลมแบบนั้น แล้วทำปล่องดูดควันด้านบนอีกที ต่อท่อขึ้นไป ให้ควันลอยขึ้นไปให้พ้นชายคาค่ะ แต่ถ้าสนิทกับเพื่อนบ้าน การบอกกล่าว ส่งส่วยก็ไม่แปลกอะไร แต่ว่า นานๆ ไป ก็ไม่มีใครสามารถทนได้หรอกค่ะ เป็นเราเราติดพัดลม สบายใจดีค่ะ https://www.google.com/s...amp;biw=1366&bih=660
|
|
บ้านผมก็เป็นแบบนี้ ครับ ไม่ต้องใช้ไรเลย เพราะคุยกับเพื่อนบ้่านว่าข้างหลังเราจะไม่ปิดทึบกัน ลมโกรได้ตอนทำอาหารกลิ่นอาจจะรบกวนบ้างแต่แป๊บเดียว แต่ก็มีเสี่ยงสะท้อนมาจากเพื่อนบ้านบ้าง จากที่เค้าได้รับกลิ่นอาหารเรา เช่นมีคำพูดว่า พี่ใช้พริกแกงไรปรุงนี่ กลิ่นหอมจัง เราก็แบ่งให้เค้าไปลอง คราวนี้กลิ่นก็ไม่รบกวนอีกแล้วครับ บางบ้านก็ถามว่าทำมัยทำผัดกลิ่นหอมจัง ใช้สูตรไรเนีย บอกไม่มีไรครับ แค่เราใช้ เตาแก๊สแบบแม่ค้าขายอาหารตามสั่งไฟเลยแรงควบคุมง่าย กลิ่นเลยหอมยั่วยวนดี
ปัญหาเพื่อนบ้าน80 % แก้ได้โดนการเจรจาและมิตรไมตรี ครับ ไม่จำเป็นอย่าไปถึงข้อกฏหมายครับ
|