|
ถ้าพ่อแม่คุณชราจนเดินเหินลำบาก คุณยังกล้าออกไปอยู่ข้างนอกกับครอบครัวใหม่คุณโดย ทิ้งบุพการีให้ดูแลตัวเองอย่างลำยากหากินเองลำยากเหรอคะ อ่านแต่ละความเห็นคือทิ้งพวกท่านให้อยู่กันเอง ตายเองมนบ้านทั้งนั้น แต่เขียนเสียสวยหรู
|
|
บ้านเราและบ้านแฟนถูกสอนมาเหมือนกันค่ะ
"ถ้าแต่งงานต้องแยกไปมีบ้านของตัวเอง"
แต่ไม่ได้หมายความว่าตัดขาดกันนี่คะ
กำลังคิดอยู่ว่า ถ้าแต่งจะปลูกบ้านใหม่ 3 หลัง แต่ให้อยู่ในรั้วเดียวกัน
คือยังไงก็ได้ให้ไม่อยู่หลังเดียวกันอ่ะ แต่คงไม่ไกลกันมาก
เพราะถ้าอยู่บ้านเดียวกัน จากคนรักใคร่ชอบพอกัน มันจะกลายเป็นเกลียดขี้หน้ากันได้ค่ะ
|
|
แค่เรื่องห้องน้ำอย่างเดียวก็เป็นเหตุผลเพียงพอให้แยกบ้านอยู่แล้วละ
|
|
อ่ืานความเห็นแต่ละท่านแล้วรู้สึกว่าเราโชคดีมาก ที่(ยัง)ไม่มีัปัญหากับแม่และน้องสามี แต่ว่าปกติเราอยู่กันเองจันทร์-พฤหัส ใกล้ที่ทำงานค่ะ แล้วกลับมาอยู่บ้านแม่สามีศุกร์-อาทิตย์ อาจเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดด้วยมั้งเลยราบรื่น ส่วนวันอาทิตย์ทั้งวันเราจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่เราเองแต่ว่าไม่ได้ค้างคืน ไปทุึกสัปดาห์เลย จะว่าไปก็ไม่ได้นอนบ้านตัวเองนานมากแล้วตั้งแต่น้ำท่วม
ช่วงแต่งงานใหม่ๆสงสารพ่อแม่มากๆค่ะ เค้าเคยเล่าว่ากลับมาบ้านนั่งมองหน้ากันสองคน บ้านเงี๊ยบเงียบ เราก็สะท้อนใจเพราะตัวเราเองก็คิดถึงบ้านเหมือนกัน ช่วงแรกๆเรากลัีบมานอนบ้านบ่อยมากๆ เกือบจะวั้นเว้นวันแน่ะ ทำอย่างนี้เป็นปีๆเลยค่ะเป็นช่วงปรับตัวทั้งเราเองทั้งพ่อแม่ แต่หลังน้ำท่วมแม่บอกอย่ามาเลย บ้านเพิ่งโดนน้ำท่วมมีเชื้อโรคเยอะ - -" ไว้ค่อยมาละกัน เราก็เลยไม่ได้ค้างจนบัดนี้ ยิ่งตอนหลังแฟนเราอาจต้องใช้รถช่วงกลางคืนบ้าง แล้วที่พักเราเค้ืาให้จอดรถไ้ด้คันเดียว ถ้าเรากลับมาค้ืางบ้านแฟนจะไม่มีรถใช้ พ่อแม่ยิ่งบอกว่าไม่ต้องค้างหรอก วันอาทิตย์ไปหาเค้าเนี่ย ยังไม่สองทุ่มก็เร่งเรายิกๆให้กลับได้แล้ว กลัวที่บ้านแฟนเป็นห่วง เราว่าพ่อแม่ก็คงเหงา แต่ว่าเข้าใจชีวิต ไม่อยากให้เราเป็นห่วงค่ะ
|
|
เราก็ ย้ายจากครอบครัวใหญ่ มาเหมือนกัน แต่ ไม่ได้แต่ง แล้วย้าย แต่ย้ายออกมาเพราะ ว่าครอบครัวใหญ่ ขึ้น มีพี่สาว พี่เขย หลาน 2 คน แม่ด้วย
มีัปัญหา เรื่องห้องน้ำเหมือนกัน ต้้นไม้ไม่โตใต้ร่มเงา ฉันท์ใดเราก็คงเป็นอย่างนั้น ออกมาได้ สองปี น้องสาวแต่งงานตอนนี้ ก็ อยู่กับน้อง กับน้องเขย ก็ดีมากค่ะ
อีกอย่าง บ้านอยู่คนละซอยไปมา สะดวก
เสาร์ อาทิตย์ไหนว่างตรงกันก็นัด ทานข้าวกันค่ะ
|
|
วัหยุดคุณก็พาครอบครัวแวะไปหาท่านบ่อยๆซิคะ ถ้าท่านต้องการน่ะนะ
ของเราไม่มีปัญหานี้ค่ะ ทั้งครอบครัวเดิมและของสามี เรียนจบก็แยกย้ายบ้าน ยกเว้นเราแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย ลูกชายคนโตของครอบครัวจีน
แค่เบื่ออาหารจีนวันพบญาติทุกวันอาทิตย์ ปีละ 52 ครั้ง 10 กว่าปี คิดแค่ 10 ปีละกัน 520 ครั้ง ไม่นับงานสังคมเกิดตายย้ายถิ่นโกนจุกบวชนาคขึ้นบ้านใหม่แต่งลูกประชุมสัมมนาสมาคม ฯ อาหารจีนเพิ่งออกไปจากชีวิตเราเมื่อคุณแม่ท่านสิ้น (ทำไมเขาไม่ทานอย่างอื่นกันบ้างก็ไม่รู้)
กลับเข้าเรื่อง เราชอบแนวคิดของคุณแม่สามีนะ พอลูกเรียนจบท่านก็แยกบ้านให้ทุกคน แม้ยังเป็นโสดค่ะ แค่มีนัดทานข้าว เจอกันสัปดาห์ละครั้งก็พอ ทำตามท่านด้วย ลูกเรียนจบเราก็ซื้อคอนโดให้เขาแยกไปอยู่เองลำพัง คิดถึงก็โทรหา ส่งข้อความนัดไปมาหาสู่
เราชอบชีวิตอย่างนี้นะ สบายดี ไม่ชอบลูกหลานห้อมล้อม อยู่กันเต็มบ้านหงุดหงิดใจน่ะ
|
|
เป็นกำลังใจให้คุณi'll be นะคะ
เราก็เพิ่งซื้อบ้านค่ะ เหตุผลคือ อยากซื้อให้แม่กับพ่อค่ะ แต่เราแต่งงานแล้วนะคะ อยู่บ้านสามีค่ะ ที่บ้านสามีก็จะมีแม่และพี่สาวเค้า ซึ่งก็แน่นอนค่ะ มีปัญหาบ้าง กับแม่สามีไม่เท่าไหร่ แต่กับพี่สาวสามีนี่ ปวดหัวมากค่ะ พี่สาวเค้าเป็นคนแปลกๆ ชอบวุ่นวายเรื่องของเรา เซ้าซี้ถามโน่นนี่ตลอด เรื่องบางเรื่องเราคุยกะสามีสองคน ก็มาแอบฟัง แล้วเอาไปเล่าให้แม่สามีฟัง
อย่างเรื่องเราซื้อบ้าน เราสองคนกะสามีก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไปอยู่บ้านใหม่แค่เสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาคงอยู่บ้านสามีเหมือนเดิม เพราะบ้านเค้าห่างจากที่ทำงานแค่8กิโลเอง เรื่องนี้ก็ได้บอกแม่สามีไปแล้ว เพราะเราก็รู้ว่าท่านคงไม่สบายใจ ถ้าเราสองคนจะย้ายออกไปเลย แต่พี่สาวตัวดี ก็ชอบมาชงเรื่องเราจะย้ายออกอยู่นั่นแหละ พูดบ่อยๆมาก เบื่อเหลือเกิน สงสารสามีเหมือนกันตอนเราปรี๊ดแตกเรื่องพี่สาวเค้าเนี่ย.... เพราะเวลาพี่สาวเค้ามาเจ๊าะแจ๊ะวุ่นวายกับเรา เราก็ไม่ตอบโต้ ไม่พูดอะไรกับไปนะคะ แต่เหมือนชีจะไม่รู้ตัว ก็ยังคงวุ่นวายกับเราต่อไป เฮ้อ....
|
|
เป็นกำลังใจให้คุณ i'll be นะคะ แม่เราแต่งเข้าบ้านคนจีนเหมือนกัน
|
|
ขอพื้นที่ในการระบายหน่อยนะคะ กรณีของเราก่อนแต่งมีคอนโดในเมืองืหลังแต่งต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามี 1. แม่สามี 2. อาม่า 3. ครอบครัวน้องชายเค้า (อันนี้แม่เค้าขอร้องให้กลับมาอยู่บ้านเพราะว่าไปหุ้นกับเพื่อนทำโน่นทำนี้แล้วเป็นหนี้ เดิมเค้าไปเช่าห้องอยู่กับครอบครัว แม่เค้ากลัวลูกลำบากต้องจ่ายค่าเช่าเลยชวนกลับมาอยู่ที่บ้าน)
บ้านเป็นของแม่สุดท้ายแม่ทำเป็นขายบ้านให้ลูกเพื่อกู้ธนาคารเอาเงินไปโบะหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบให้ลูกเพราะ ดอกเบี้ยมันสูงมาก แล้วให้เค้าผ่อนธนาคารไป
สามีเราเป็นลูกคนโตต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน พอครอบครัวน้องเค้ามาอยู่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นเพราะทางโน้นเค้าไม่ยอมออกค่าใช้จ่่ายอะไรเลย และยังไม่เคยช่วยประหยัดด้วย เปิดแอร์ตลอดจะร้อนจะหนาวจะฝนคือห้องไม่เคยเปิดหน้าต่่างเลย ห้องเค้าติดทั้งแอร์เก่าๆ(ซึ่งกินไฟมากไม่ยอมเปลี่ยนเพราะไม่ใช่คนจ่ายค่าไฟ) ติดทั้งเครื่องฟอกอากาศ พฤติกรรมเค้าคือกลับมานอนอย่างเดียว บางคืนไม่กลับ (ตอนนี้ลูกเมียเค้าย้ายไปอยู่เชียงใหม่เหลือแค่น้องชายเค้าคนเดียว)
ส่วนห้องเรากับสามี ถ้าไม่ร้อนมากก็จะไม่เปิดแอร์ เปิดประมาณอาทิตย์ละ 1-2 คืน เราก็ไม่รู้จะพูดกับเค้ายังไงให้เค้าช่วยประหยัดหน่อย เพราะสามีไม่กล้าพูด ส่วนเรากลับมานอนคอนโดบ้างคืนวันศุกร์ เพราะวันเสาร์ก็อยากไปเที่ยวโน่นนี่ในเมืองบ้างมันสะดวกกว่า ไม่ต้องขับรถจากบ้านเข้าเมือง กลับอีกทีก็เย็นวันเสาร์ อย่างน้อยได้ความเป็นส่วนตัวบ้าง แต่ก็ไม่ได้ค้างทุกศุกร์หรอกนอกจากว่าวันเสาร์ต้องมีธุระในเมืองจะได้ไม่ต้องตื่นเช้า
แต่พอเช้าวันศุกร์อ้าปากบอกแม่กับอาม่าเค้าทีไรว่าคืนนี้ไปค้างคอนโดนะ ก็ต้องโดนว่าและประชดประชันทุกทีว่า บ้านนี้เป็นยังไงไม่มีคนอยากอยู่ หรือไม่ก็ไม่ต้องบอกหรอกรู้อยู่แล้ว
เราอึดอัดมาก คนอื่นเค้าอยากมีคอนโดในเมืองเพื่อสะดวกในการทำงานจันทร์-ศุกร์ ไม่ต้องขับรถไกล แต่เราต้องทำกลับกัน แถมค้างแค่คืนเดียวใน 7 วันยังโดนว่าอีก ส่วนเรื่องที่จะออกไปอยู่เองนี่ไม่ต้องแม้แต่จะคิดเลย ทุกวันนี้ใช้รถกันคันเดียวต้องรอกันกลับบ้าน บางวันเราดึก บางวันแฟนดึก อีกฝ่ายก็ต้องรอ สรุปกลับถึงบ้าน 4 ทุ่มทุกวัน ไม่ได้มีเวลาแวะไปเทียวหรือกินข้าวที่ไหน
ตอนนี้ทางออกเราคือต้องยอมเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ายของเรา มาปลูกบ้่านอีกหลัง ในรั้วเดียวกันเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้นไหม ตอนนี้สร้างบ้านกับผรม. ปวดหัวและปัญหาเยอะมากมาย ทุกวันนี้นั่งนับวันรอให้บ้านเสร็จเหมือนเป็นความหวังสูงสุดในชีวิตยังไงไม่รู้ แล้วคงจะขายคอนโดเพราะมีไว้ก็ไม่ได้อยู่ ตอนนี้บ้านยังไม่เสร็จเลยไม่กล้าขาย
ครอบครัวใหญ่ปัญหามากมายจริงๆคะ ถึงแม้ว่าไม่มีปัญหาหนักหนาแบบแม่ผัวลูกสะใภ้แต่มันก็ไม่ได้สบายใจจริงๆ ทุกวันนี้สามีเราผ่อนคอนโดผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน เงินแทบจะไม่พอใช้ ต้องมายืมเราทุกเดือน กลับเป็นว่าแต่งงานแล้วเราต้องประหยัดมากขึ้น เพราะเงินสร้างบ้านเป็นเงินเราทั้งหมด เพราะสามีไม่มีเงินเก็บเลย เพราะเงินเก็บก้อนสุดท้ายเค้าก็ใช้หนี้ OD ให้แม่เค้าไปหมด ทุกวันนี้ต้องกินข้าวบ้านกันทุกวัน กินข้าวนอกบ้าน นับครั้งได้ ต้องประหยัดทุกทางในขณะที่น้องชายเค้ากินข้าวนอกบ้านทุกมื้อ อาม่าก็จู้จี้บ่นทั้งวัน ติได้ทุกรื่อง
|
|
เป็นธรรมดาที่พ่อแม่ต้องรู้สึกเศร้าค่ะ ก็ลูกทั้งคนที่เคยเลี้ยงดูกันมาต้้งแต่อ้อนแต่ออก
ในความคิดเห็นของเรา เราว่าคุณไม่ผิดหรอกค่ะ ทุกชีวิตย่อมต้องมีทางเดินเป็นของตัวเอง เพียงแต่ว่าคุณต้องอย่าทิ้งพ่อแม่คุณไว้ข้างหลัง คุณต้องดูแลเอาใจใส่ท่านไม่ใช่เหมือนเดิมนะคะ ต้องมากขึ้นกว่าเดิมค่ะเพราะเราไม่ได้อยู่กับเค้าเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างถ้าคุณแต่งงานแล้วภรรยาคุณไม่แฮ๊ปปี้ที่จะเจอสภาพที่เป็นอยู่แบบนี้ มันจะทำให้ครอบครัวทั้งของคุณเองและทางบ้านพ่อแม่ไม่มีความสุขกันหมดเลย ลองค่อย ๆ คิดดูนะคะ
|